
one world


ในตอนต้นเพลงนั้นจะมีการเล่นขั้นคู่ในระดับเสียงดัง นั่นแสดงถึงการเริ่มต้น หลังจากนั้น ท่วงทำนองหลัก จะมีความเบา ขึ้นลงในรูปแบบของ arpeggioให้ความรู้สึกฉงน งงงวย และมีเครื่องหมายที่บอกให้ค่อยๆเร็วขึ้น และค่อยๆดังขึ้นด้วย จนไปถึงคอร์ดสุดท้ายที่บอกให้ดังมาก จะเห็นภาพได้ว่า เด็กชายนั้นค่อยๆ ตื่นขึ้นนอนขึ้นมาในโลกของเขาที่มืดมิด แล้วพบกับประตูมิติอยู่ตรงปลายเตียง เลยเกิดความสงสัย เข้าไปดูใกล้ๆ หลังจากนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง

ส่วนท่วนทำนองหลักในท่อน allegro Brillante จะเริ่มจากเบาปานกลาง จนไปถึงดังปานกลาง เหมือนสายลม และยังใช้โน้ตในรูปแบบของ arpeggio อยู่ แต่ว่าแตกต่างจากแบบแรกตรงที่ว่า ท่อนนี้จะให้ความรู้สึกที่ดูสดใส เปล่งปลั่ง และอลังการ จะได้ภาพที่ว่า หลังจากถูกเด็กได้ถูกประตูมิติดูดเข้ามา สายลมก็ได้พัดพา เด็กคนนั้นเข้าสู่โลกใบใหม่ที่กว้างใหญ่ ที่มีความสวยงาม มีสีสันสดใส

ท่วงทำนองหลักในส่วนของตรงนี้จะให้ความรู้สึกที่อ่อนหวาน เป็นทำนองสวยงาม และมีความไพเราะ ในภาพส่วนนี้จะแทน ธรรมชาติที่สวยงามโลกใบนี้ ที่มีดอกไม้ใบหญ้า และทุ่งหญ้าที่สว ยงามตระการตา

ท่อนนี้ con spirito จะมีความเหมือนกันกับท่อน allegro Brillante แตกต่างกันตรงที่ท่อนนี้ให้รู้สึกยิ่งใหญ่กว่า รู้สึกถึงจิตวิญญาณ ในส่วนนี้จะแทนด้วยภาพใจกลางเมืองอันยิ่งใหญ่


ในส่วนของ 3 ท่อนตรงนี้ ผมขอรวมไว้ด้วยกันเพราะว่า เป็นส่วนของ cadenza
ซึ่ง moderato Passione นั้น ให้ความรู้สึกเหมือนตื่นนอนอีกครั้งเหมือนตอน lento ในท่อนแรก แต่จะแตกต่างออกไปตรงที่มีการเล่นโน้ตเป็นคอร์ดจากเบาไปหาดัง ให้ความรู้สึกถึงความไม่พอใจ ที่ได้ตื่นจากความฝัน ในท่อนนี้จะให้ภาพที่ เด็กคนนั้นได้ตื่นมาพบว่าโลกเขาได้เดินทางไปนั้น เป็นเพียงแค่ความฝัน ไม่ใช่ความจริง ทำเขารู้สึกเศร้า เสียใจ และคิดอะไรบางอย่างได้
lento Calmando ในท่วงทำนองตรงนี้มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรใหม่ๆเข้ามา แต่ก็แฝงไปด้วยความเยือกเย็น จะได้ภาพที่ว่า เด็กคนนี้ได้่สงบนิ่ง สุขม อยู่กับตัวเอง และมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของตนเอง ที่ดำมืดนั้น
ส่วนท่อน adagio cantabile คำว่า cantabile นั้น มาจากภาษาอินตาเลี่ยน ซึ่งแปลว่า เล่นให้เหมือนเสียงร้อง ทำนองให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า เป็นเสียงเรียกร้องที่ต้องการอยากจะได้อะไรบางอย่าง ผมเลยตีความให้เสียงร้องนั้นแทนเสียงในความคิดของเขาว่าจะเปลี่ยนตัวเองและมองโลกในแง่ดี เพื่อที่จะได้โลกในฝันที่เขาได้ไปมา อยู่ในชีวิตจริง

มาในส่วนของท่อน allegro, ma Liberamente คำว่า Liberamente นั้น แปลว่า อิสระ จะเป็นท่อนมีความเป็น จังหวะ ที่ชัดเจน ระดับเสียงเบื้องต้นจะเริ่มมาที่ เสียงเบา และจากนั้นจะค่อยๆดังขึ้น มีการเพิ่มตัวเน้นเข้าไปเป็นแนวทำนองโน้ต เพื่อให้รู้สึกถึงอุปสรรค ความตื่นเต้นกับการผจญภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่วนการคำว่า fantastic แปลว่า ยอดเยี่ยม ผมได้ตีความไว้ว่า การที่เด็กชายกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของตนเองนั้นเป็นสิ่งยอดเยี่ยมมาก ทั้งหมดนั้นจึงได้ภาพ ที่เด็กชายนั้นเริ่มที่ออกเดินทางจะต่อสู้กับ ปีศาจร้ายที่อยู่ในความคิดเขา ทีละตนๆ และโลกที่เขาอยู่ ก็ค่อยๆสดใสขึ้นเรื่อยๆ

ในส่วนตรงที่ผมได้นำมาแสดงนั้น เป็นทำนองที่แตกต่างจากท่อน allegro, ma Liberamente เผยเห็นถึงท่วงทำนองหลักที่ชัดเจน มีความตื่นเต้น ร้อนรน แต่ก็ยังมีความไพเราะ ให้ความรู้สึกถึงการต่อสู้กับอะไรบางอย่าง แสดงให้เห็นว่า เด็กชายกำลังต่อสู้กับปีศาจคิดลบอย่างสุดความสามารถ และไม่ย่อท้อ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเขา

ในท่อน con animo นั้นสื่อถึงการเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา ในส่วนของทำนองหลักตรงนี้ มีระดับที่ดังมาก ราวกับได้รับชัยชนะอะไรบางอย่าง ให้ความรู้สึกที่ดีใจ และมีความสุข แสดงให้ภาพให้เห็นว่า ปีศาจแห่งการคิดลบนั้นได้ตายและสลายไปในที่สุด โลกในปัจุบันของเขาที่เคยมืดมิด เหี่ยวแห้ง ก็กลายมาเป็นโลกที่มีชีวิตชีวา มีทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ เมืองอันกว้างโพ้น ราวกับโลกที่เค้าได้เคยไปตอนฝัน


ท่อน mederato expresssivo นั้น เป็นท่อนจบของเพลง ทำนองหลักในท่อนนี้นั้นมีความสวยหรู fน้ตในสเกลในท่อนนี้ยังให้ความรู้สึกถึงความสว่าง ไม่มืดมิด จะเกิดเป็นภาพได้ว่า เด็กชายคนนั้น กลายเป็นเด็กที่มีความสุข และมองโลกแต่ในแง่ดี เขาจึงได้คิดว่า การที่เราเริ่มเปลี่ยนความคิดจากตัวเราจากการมองโลกในแง่ร้าย มาเป็นมองโลกในแง่ดี ทำให้เรามีความสุขด้วยตัวเอง และก็ทำให้โลกของเรานั้นน่าอยู่มากขึ้น
